พระพนัสบดี พระพุทธรูปยืนบนพนัสบดี (สัตว์ตามจินตนาการ)
พระพนัสบดี องค์ที่พบเห็นบ่อย คือองค์ที่ขุดพบที่ บริเวณ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี แต่ก็เป็นเพียงองค์จำลอง ซึ่งประดิษฐาน อยู่ที่ หอพระพนัสบดี ถ.เมืองเก่า 1 อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี หอพระตั้งอยู่กลางสระน้ำ ตรงข้ามศาลาเทศบาลเมืองพนัสนิคม พระพนัสบดีจำลอง ได้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2517 โดยมีขนาดใหญ่กว่าองค์จริง 3 เท่า
พระพนัสบดี องค์จริง เป็นพระพุทธรูปศิลาเก่าแก่สมัยทวารวดี มีอายุประมาณ 1,200 - 1,300 ปี แกะสลักจากศิลาเนื้อละเอียดสีดำ เป็นพระพุทธรูปในท่าประทับยืนบนดอกบัว เหนือสัตว์ที่สร้างขึ้นจากจิตนาการ เรียกว่า "พนัสบดี" (ผู้เป็นใหญ่ในป่า) แก้มเป็นกระพุ้ง จงอยปากใหญ่งุ้มแข็งแรง ปลายจงอยปากจากบนลงล่างมีรูทะลุคล้ายกับจะแขวนกระดิ่งได้ มีเขาทั้งคู่บิดเป็นเกลียวงอเข้าหากันคล้ายเขาโค โคนเขามีหูสองหูอย่างหูโค มีปีกสองข้างใหญ่สั้นที่กำลังกางออก ขาทั้งสองข้างพับแนบทรวงอกยกเชิดขึ้นอย่างขาของครุฑที่กำลังเหิรลม ด้านหลังองค์พระมีประภามณฑล (ลายเปลวเพลิง) เป็นรูปกลมรีอย่างรูปไข่ รอบๆ ประภามณฑลมีลวดลาย จากพื้นล่างสุดถึงยอดประภามณฑลสูง 45 ซม. จากฐานล่างถึงพระบาทสูง 15 ซม. ส่วนกว้างที่สุดของประภามณฑล 20 ซม. ส่วนกว้างจากปลายปีกทั้งสองข้าง 24 ซม.ได้มีการค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2440 ที่ ต.ไร่หลักทอง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และได้เก็บรักษาบูชาไว้ที่บ้านของผู้พบ มาจนถึงปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นเป็นโบราณวัตถุ เมื่อปี พ.ศ.2478 (ไม่ได้นำมาเก็บไว้ ยังอยู่ที่ผู้พบ)
พระพนัสบดี ศรีทวารวดี ประดิษฐานอยู่ที่วัดพรหมทินใต้ ต.หลุมข้าว อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี โดยขุดพบที่บริเวณโบราณสถานวัดพรหมทินใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2535 จากการตรวจสอบจาก กรมศิลปากร จ.ลพบุรี พบว่าเป็นพระพนัสบดีแกะสลักจากหิน สีดำ สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี มีอายุราว 1200-1300 ปี ในปัจจุบันได้มีการจัดสร้าง พิพิธภัณฑ์ สำหรับเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้ จากบริเวณนี้
ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2479
สำหรับวัดพรหมทินใต้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2375 เดิมเรียกว่า วัดโพธิ์ศรีสว่าง เมื่อปี พ.ศ. 2555 ได้มีการหล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่ชื่อ หลวงพ่อพระพุทธพรหม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เฉพาะองค์พระสูง 9 เมตร ภายในบรรจุสิ่งของอันมีค่าและรวมไปถึงได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ประชาชนได้สัการะ งานประจำปี สำหรับ "พระพนัสบดี ศรีทวารวดี" จะมีการสรงน้ำพระในช่วงเทศกาลสงกรานต์
เป็นพระพนัสบดี 2 องค์ ที่ให้ประชาชนได้กราบไหว้ที่หอพระ (อ.พนัสนิคม) และที่วัดพรหมทินใต้ (อ.โคกสำโรง)
ซึ่งยังมีพระพนัสบดี ที่ขุดค้นพบตามเมืองโบราณต่าง ๆ โดยเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ เช่น
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร กทม.
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ รามคำแหง จ.สุโขทัย
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
พิพิธภัณฑ์เมืองโบราณซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี
และที่อื่น ๆ
สำหรับพระพุทธรูป ปางนี้นั้นได้มีการวิเคราะห์อยู่หลายแนวคิด เช่น
แนวคิดที่ 1 พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดีเป็นประติมากรรม รูปแบบพิเศษ ที่พบเฉพาะในศิลปะทวารวดี โดยสลัก เป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับเหนือสัตว์พาหนะที่เรียกว่าพนัสบดี ซึ่งเชื่อว่าเป็นภาครวมของสัตว์พาหนะของเทพเจ้า ในศาสนาฮินดูทั้ง 3 องค์
1. มีปีกคล้ายหงส์ สัตว์พาหนะของพระพรหม
2. มีหูและเขาอย่างโค สัตว์พาหนะของพระศิวะ
3. มีจงอยปากแบบครุฑ สัตว์พาหนะของพระนารายณ์
การสร้างประติมากรรมรูปพระพุทธเจ้า ประทับเหนือพนัสบดีนั้น อาจมีความหมายแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของ พุทธศาสนาที่อยู่เหนือกว่าศาสนาฮินดู
แนวคิดที่ 2 กึ่งกลางประติมากรรมนูนสูงสลักภาพพระพุทธรูปยืน พระหัตถ์ทั้งสองยกขึ้นแสดงปางประทานธรรม พระพุทธรูปยืนอยู่เหนือสัตว์ผสมชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า พนัสบดี ซึ่งแปลว่า เจ้าป่า เชื่อกันว่า พนัสบดี เป็นสัตว์ที่มีลักษณะผสมกันระหว่างพาหนะ ของเทพเจ้าสามองค์ในศาสนาฮินดู คือ มีเขาคล้ายโค พาหนะของ พระอิศวร มีปีกคล้ายหงส์ พาหนะของพระพรหม และมีจะงอยปากคล้ายครุฑ พาหนะของพระนารายณ์ ด้านขวาของพระพุทธรูปเป็นรูปบุคคลยืนถือแส้ ส่วนด้านซ้ายเป็นรูปบุคคลยืนถือฉัตร รูปบุคคลทั้งสองนี้อาจหมายถึงพระอินทร์และพระพรหมตามคติความเชื่อในพุทธศาสนานิกายเถรวาท แนวคิดในการสร้างงานประติมากรรมลักษณะนี้ ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เดิมเชื่อว่าสร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าศาสนาพุทธยิ่งใหญ่
แนวคิดที่ 3 เชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงอยู่เหนือสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แนวคิดที่ 4 เชื่อว่าประติมากรรมแบบนี้ อาจเคยใช้ประดับบนธรรมจักร โดยมีความหมายเกี่ยวกับแสงสว่าง และการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ข้อมูลและภาพ :
วัดพรหมทินใต้