พระปางมารวิชัย ปางชนะมาร ปางสะดุ้งมาร ปางพิชิตมาร หลวงพ่อโต ซำปอกง พระพุทธไตรยรัตนนายก รุ่น มหาเศรษฐี พระอัครสาวกเบื้องซ้ายและขวา พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร วัดพนัญเชิงวรวิหาร อยุธยา ปี 2540  เนื้อทองแดง

พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย พระอัครสาวก เบื้องซ้ายและขวา หน้าตักกว้างประมาณ 20 เมตร สูง 19 เมตร เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไปมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีนซึ่งขนานนามหลวงพ่อโตองค์นี้ว่า "ซำปอกง" (三寶公/三宝公) หรือ "ซำปอฮุดกง"

พระพุทธไตรรัตนนายกประดิษฐานอยู่ในพระวิหารวัดพนัญเชิง ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก ตรงข้ามกับมุมตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระพุทธลักษณะ ปางมารวิชัย ปางผจญมาร ปางพิชิตมาร ปางชนะมาร หรือ ภูมสปรศมุทรา เป็นพระพุทธรูปพระอริยาบทนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาคว่ำลงบนพระชานุ นิ้วพระหัตถ์ชี้พระธรณี

พระพุทธประวัติ ปางมารวิชัย เป็นปางที่สร้างขึ้นเพื่อให้รายละเอียดเหตุการณ์ เมื่อพระยามารและพลพรรค คือ บุคลาธิษฐานของกิเลสรุมเร้าขัดขวางพระโพธิญาณ เจ้าชายสิทธัตถะมิได้ทรงหวั่นไหวพระทัย ทรงชี้ดัชนีลงที่พื้นดิน เพื่อเรียกแม่พระธรณีเป็นพยานว่า ในชาติก่อนๆ อันนับประมาณไม่ได้ พระองค์ได้สั่งสมบำเพ็ญมารมีเพียงพอที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาตินี้ แม่ธรณีจึงสำอดงร่าง ได้บีบมวยผมหลั่งน้ำที่พระพุทธองค์ เคยทรงหลั่งเมื่อบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติออกมา กลายเป็นกระแสน้ำไหลท่วมเหล่ามารและไพร่พลปลาสนาการไปหมดสิ้น

พระอัครสาวกเบื้อซ้ายและขวา
คำว่า สาวก มีที่มาจากรากศัพท์ภาษาบาลีว่า สาวโก แปลว่า ผู้ฟังถ้อยคำ หรือ ศิษย์ โดยสรุปแล้วคำว่าสาวก หรือพระสาวก จึงหมายถึงผู้ฟังโดยเคารพในธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติและได้รู้ตามธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้แล้วโดยชอบ

ในธชัคคสูตร กล่าวถึงคุณสมบัติของพระสาวกไว้ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม เป็นผู้ปฏิบัติชอบยิ่ง

ถ้าจะอ้างอิงพระสาวกตามการตั้งความปรารถนาและระยะเวลาแห่งการบำเพ็ญบารมี ดังนี้

พระอัครสาวก คือ สาวกผู้เลิศ ในพุทธกาลหนึ่ง ๆ จะมีเพียง 2 องค์เท่านั้น

โดยเป็นผู้ที่ต้องตั้งความปรารถนาเพื่อการบรรลุเป็นพระอัครสาวกตั้งแต่สมัยกาลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ เพื่อดำรงอยู่ในความเป็นเลิศด้วยคุณทั้งปวง พร้อมด้วยความพิเศษเพื่อบรรลุบารมีอันอุกฤษฎ์ (อย่างสูงสุด) ในด้านปัญญาและสมาธิ

สำหรับพุทธกาลนี้

พระอัครสาวกที่อุกฤษฎ์ด้านปัญญาคือท่านพระสารีบุตร

และท่านพระมหาโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกผู้เลิศในด้านสมาธิหรืออิทธิฤทธิ์

ทั้งสองท่านได้ตั้งความปรารถนาเพื่อจะบรรลุอรหัตผลในฐานะแห่งความเป็นพระอัครสาวกตั้งแต่สมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระประทุมุตระ

++พระเครื่องถ่ายจากองค์จริงครับ++