ทำนายเบอร์โทรศัพท์ ฟรี ครับ

ใส่เบอร์โทร เช่น 0817746959

 
  • ตอบกระทู้
  • ตั้งกระทู้ใหม่
QUOTE 

พระประจำวันเกิด พระประจำปีนักษัตร

เจ้าของร้าน

พระประจำวันเกิด” ทั้งนี้ จากข้อมูลที่รวบรวมจัดทำเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตโดยกลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ระบุไว้ว่า คนไทยแต่โบราณนั้น “ถือว่าการบูชาพระประจำวันเกิดเป็นมงคลอันสูงยิ่งอีกประการหนึ่ง” โดยบางคนก็บูชาเพื่อสะเดาะเคราะห์ หรือปัดเป่าให้รอด พ้นภัยพิบัติต่าง ๆ

สำหรับ พระประจำวันเกิดแต่ละวัน ซึ่งมีการสร้างเป็นพระพุทธรูปขนาดต่าง ๆ หรือพระบูชาก็มี แบ่งเป็น “ปาง” ตามวันต่าง ๆ คือ

  • “ปางถวายเนตร” เป็นพระประจำวันอาทิตย์
  • “ปางห้ามญาติ หรือปางห้ามสมุทร” เป็นพระประจำวันจันทร์
  • “ปางไสยาสน์ หรือปางปรินิพพาน” เป็นพระประจำวันอังคาร
  • “ปางอุ้มบาตร” เป็นพระประจำวันพุธ-กลางวัน
  • “ปางปาลิไลยก์” เป็นพระประจำวันพุธ-กลางคืน (พุธ-กลางคืน หมายถึงผู้ที่เกิดระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันพุธ ถึงเวลา 06.00 น. ของวันพฤหัสบดี หรือบางคนก็นับตั้งแต่ 18.00-24.00 น. ของวันพุธ สุดแต่ความเชื่อ)
  • “ปางสมาธิ หรือปางตรัสรู้” เป็นพระประจำวันพฤหัสบดี
  • “ปางรำพึง” เป็นพระประจำวันศุกร์
  • “ปางนาคปรก” เป็นพระประจำวันเสาร์

พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ประจำวันเกิดทั้ง 7 วันนี้ ชาวไทยพุทธสามารถจะเสาะหาเพื่อกราบไหว้สักการะได้ไม่ยาก เพราะมีการจัดสร้างไว้ ตามวัดวาอารามส่วนใหญ่ และมักจะมีป้ายบอกปางชัดเจน ไม่สับสน

ทั้งนี้ นอกจากพระประจำวันเกิดแล้ว “พระประจำปีนักษัตร” ที่แต่ละคนเกิด ก็มีด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ www.dhamma thai.org ระบุไว้สรุปได้ว่า

1. พระประจำปีชวดคือ “ปางโปรดอาฬวกยักษ์” 

  

    พระพุทธรูปปางโปรดอาฬวกยักษ์ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐมพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายอยู่บนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ ( อก ) จีบนิ้วพระหัตถ์ เป็นกิริยาทรงแสดงธรรม บางแบบพระหัตถ์ซ้ายวางบนพระชานุ ( เข่า )

ความเป็นมาของปางโปรดอาฬวกยักษ์

    ครั้งหนึ่งเจ้าผู้ครองนครอาฬวี ชอบล่าสัตว์เป็นกิจวัตร วันหนึ่งพลัดหลงเข้าไปพักใต้ต้นไทรซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของอาฬวกยักษ์ ถูกยักษ์จับไว้เพื่อกินเป็นอาหาร จึงขอให้ปล่อยตัวกลับและสัญญาจะส่งคนมาให้กินวันละหนึ่งคน เมื่อนักโทษหมดก็ส่งเด็กให้วันละคน ต่อมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยพระญาณ จึงได้เสด็จไปยังที่อยู่ของอาฬวกยักษ์ แล้วแสดงธรรมโปรดจนอาฬวกยักษ์ได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน

2. พระประจำปีฉลูมี 2 ปางคือ “ปางโปรดพุทธมารดา” และ ปางห้ามญาติ

 

  พระพุทธรูปปางโปรดพุทธมารดา วัดพระปมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา ( ตัก ) บางแบบวางบนพระชานุ ( เข่า ) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ ( อก ) จีบนิ้วพระหัตถ์ บางแบบงอนิ้วพระหัตถ์

ความเป็นมาของปางโปรดพุทธมารดา

   หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้ว ได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลา ๓ เดือน เพื่อแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธมารดาซึ่งไปบังเกิดเป็นเทพบุตร ณ สวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อตอบแทนพระคุณ ท้าวสักกเทวราชมีความปิติยินดี รีบป่าวประกาศแก่เทวดาทั้งหลายให้มาฟังพระธรรมเทศนา ในที่สุดพุทธมารดาได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน
 

 

   พระพุทธรูปปางห้ามญาติ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานครพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืน แบพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นเสมอพระอุระ ( อก ) ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้าเป็นกิริยาห้าม เป็นปางเดียวกันกับปางห้ามสมุทร นิยมทำแบบพระทรงเครื่อง

ความเป็นมาของปางห้ามญาติ
   ครั้งหนึ่งเหล่ากษัตริย์ศากยวงศ์ พระญาติฝ่ายพุทธบิดา และเหล่ากษัตริย์โกลิยวงศ์ พระญาติฝ่ายพุทธมารดา ทะเลาะวิวาทกันเพราะเรื่องแย่งน้ำในแม่น้ำโรหิณีเนื่องจากฝนแล้ง น้ำไม่เพียงพอ การทะเลาะวิวาทลุกลามไป จนเกือบกลายเป็นศึกใหญ่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบเหตุด้วยพระญาณ จึงเสด็จไปห้ามสงคราม โดยตรัสให้เห็นถึงความไม่สมควรที่กษัตริย์ต้องมาฆ่าฟันกันด้วยสาเหตุเพียงแค่การแย่งน้ำเข้านา และตรัสเตือนสติว่า ระหว่างน้ำกับความเป็นพี่น้อง อะไรสำคัญยิ่งกว่ากัน ทั้งสองฝ่ายจึงได้สติ คืนดีกัน และขอพระราชทานอภัยโทษต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธองค์

3. พระประจำปีขาลคือ “ปางโปรดพกาพรหม” 

   พระพุทธรูปปางโปรดพกาพรหม วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐมพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืนบนเศียรพกาพรหมซึ่งประทับบนหลังโคอุสุภราช พระหัตถ์ทั้งสองวางทาบบนพระเพลา ( ตัก ) บางแบบพระหัตถ์ประสานกันอยู่ระหว่างพระเพลา พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย ทอดพระเนตรลงเบื้องต่ำ

ความเป็นมาของปางโปรดพกาพรหม
   ท้าวพกาพรหมมีความเห็นว่าสิ่งทั้งหลายเป็นของเที่ยงแท้ไม่แปรผัน ซึ่งขัดต่อคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่าสรรพสิ่งย่อมไม่เที่ยง เป็นไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พระพุทธองค์โปรดให้ท้าวพกาพรหมแสดงฤทธิ์โดยให้ไปซ่อนตัว แต่ไปซ่อนที่ใด พระพุทธองค์ก็ทรงทราบ ต่อมาพระพุทธองค์ทรงทำปาฏิหาริย์อันตรธารหายไป และทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้ได้ยินแต่พระสุรเสียง และทรงตรัสว่ากำลังเดินจงกรมอยู่บนเศียรของท้าพกาพรหม ท้าวพกาพรหมหมดทิฐิมานะ จึงตั้งใจฟังธรรมเทศนาจนได้บรรลุโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบัน

4. พระประจำปีเถาะ คือ “ปางอธิษฐานเพศบรรพชิต” 

   
 

  พระพุทธรูปปางอธิษฐานเพศบรรพชิต วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐมพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายบนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวายกขึ้น ตั้งฝ่าพระหัตถ์เสมอพระอุระ ( อก ) เบนฝ่าพระหัตถ์ไปทางซ้าย อันเป็นกิริยาสำรวมจิตอธิษฐานเพศบรรพชิต

ความเป็นมาของปางอธิษฐานเพศบรรพชิต
   เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกพ้นเขตกรุงกบิลพัสดุ์จนมาถึงฝั่งแม่น้ำอโนมา จึงเสด็จลงจากหลังม้า ประทับเหนือหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำ รับสั่งแก่นายฉันนะว่า พระองคักบรรพชาถือเพศเป็นบรรพชิต ณ ที่นี้ ให้นำเครื่องประดับและม้ากัณฐกะกลับพระนคร เจ้าชายสิทธัตถะทรงตั้งพระทัยว่า เมื่อได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะเสด็จกลับมาเทศนาโปรดพระประยูรญาติ

5. พระประจำปีมะโรง คือ “ปางโปรดองคุลิมาลโจร”

  

   พระพุทธรูปปางโปรดองคุลิมาลโจร วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐมพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ ( อก ) นิ้วพระหัตถ์ตั้งตรง หันฝ่าพระหัตถ์ไปทางซ้าย

ความเป็นมาของปางโปรดองคุลิมาลโจร
  อหิงสกกุมารบุตร พราหมณ์ปุโรหิตแห่งสาวัตถี ได้ศึกษาสรรพวิชาอยู่ ณ สำนักทิศาปาโมกข์ เมืองตักศิลา ผู้เป็นอาจารย์ถูกยุยงว่า อหิงสกะหมายล้มล้างตน จึงหาทางกำจัดโดยยืมมือผู้อื่นฆ่า และบอกว่าจะสอน "วิษณุมนต์" ให้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องหานิ้วมือมนุษย์จำนวนหนึ่งพันนิ้วจากหนึ่งพันคนมาบูชา ครู พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยพระอนาคตังสญาณว่า อหิงสกะ หรือ องคุลีมาลโจรหรือจอมโจรผู้มีนิ้วมือเป็นมาลัย กำลังจะทำกรรมหนัก เพราะกำลังจะฆ่ามารดาจึงเสด็จไปขวางทาง องคุลีมาลโจรตะโกนว่า "หยุดก่อนสมณะ" พระพุทธองค์ทรงรับสั่งว่า "เราหยุดแล้ว แต่ท่านนั่นแหละยังไม่หยุด" พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมจนองคุลีมาลทูลขอบรรพชา พระพุทธองค์จึงทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้องคุลีมาลได้บรรลุธรรมเป็นพระ อรหัต์ในกาลต่อมา

6. พระประจำปีมะเส็งคือ “ปางทรงรับอุทกัง” 

  

   พระพุทธรูปปางทรงรับอุทกัง วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา(ตัก) พระหัตถ์ขวาทรงบาตรวางบนพระชานุ(เข่า) เป็นกิริยายื่นบาตรออกรับอุทกัง คือ รับน้ำ

ความเป็นมาของปางทรงรับอุทกัง
  เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับที่สวนมะม่วงของนายจุนทะ นายจุนทะได้จัดภัตราหารอันประณีตไว้ถวายพร้อมสุกรมัททวะ หลังจากที่เสวยภัตตาหารของนายจุนทะแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงพระประชวรโรคโลหิตปักขัณทิกาพาธ แต่ก็เสด็จไปยังเมืองกุสินารา ระหว่างทางทรงกระหายน้ำเป็นกำลัง จึงรับสั่งให้พระอานนท์นำน้ำมาถวาย พระอานนท์กราบทูลว่า มีเกวียน ๕๐๐ เล่มเพิ่มข้ามแม่น้ำไป ทำให้น้ำขุ่นไม่ควรเสวย และเชิญเสด็จไปยังแม่น้ำอีกสายที่อยู่ใกล้ๆ แต่ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ไปนน้ำมา พระอานนท์ทูลทัดทานถึง ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๓ จึงทำตามพระบัญชา เมื่อพระอานนท์นำบาตรไปตักน้ำมาถวาย น้ำกลับใสสะอาดไม่ขุ่นมัวเป็นอัศจรรย์ พระพุทธองค์จึงเสวยน้ำนั้น

7. พระประจำปีมะเมียคือ “ปางสนเข็ม”

    พระพุทธรูปปางสนเข็ม วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรุปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระ ( อก ) พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในพระอิริยาบถจับเข็ม พระหัตถ์ขวาจับเส้นด้าย เป็นกิริยาสนเข็ม

ความเป็นมาของปางสนเข็ม
    ครั้งหนึ่งพระจีวรของพระอนุรุทธเถระเก่ามาก ท่านจึงแสวงหาผ้าบังสุกุลเพื่อมาทำจีวร พระเถระพบผ้า ๓ ผืนที่กองหยากเยื่อจึงเก็บมา ในสมัยโบราณการทำจีวรต้องตัดเย็บและย้อมเอง พระสงฆ์ทั้งหลายจึงมาช่วยกันอย่างพร้อมเพรียงแบ่งหน้าที่กันทำตามความเหมาะ สม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงช่วยร้อยด้ายเข้าในบ่วงเข็ม ( สนเข็ม ) เมื่อพระรูปใดด้ายหมดก็ส่งเข็มถวาย พระพุทธองค์ก็ทรงสนเข็มประทาน จนการเย็บจีวรสำเร็จเรียบร้อยด้วยดี

8. พระประจำปีมะแมคือ “ปางประทานพร”

   พระพุทธรูปปางประทานพร ( ยืน) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืน ยกพระหัตถ์ขวาเสมอพระอุระ ( อก ) แบฝ่าพระหัตถ์ออกไปข้างหน้า พระหัตถ์ซ้ายห้อยลง แบฝ่าพระหัตถ์ออกไปข้างหน้า บางแบบยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้น ห้อยพระหัตถ์ขวา

ความเป็นมาของปางประทานพร ( ยืน)
   มหาอุบาสิกาวิสาขา บุตรีของธนัญชัยเศรษฐี เป็นหญิงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเบญจกัลยาณี ได้แก่ มีผมงาม เนื้องาม ฟันงาม ผิวงาม วัยงาม นางมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก และเป็นพระโสดาบันบุคคลตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ในช่วงฤดูฝนในพรรษาหนึ่ง นางวิสาขาไให้นางทาสีของนางมานิมนต์พระภิกษุ พอดีฝนตก พระภิกษุเปลือยกายอาบน้ำฝนอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร นางทาสีเข้าใจว่าเป็นนักบวชลัทธิชีเปลือย จึงกลับไปบอกนางวิสาขา หลังจากถวายภัตตาหารและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว นางวิสาขาจึงกราบทูลขอประทานพรจากพระพุทธองค์เพื่อถวายสิ่งของต่าง ๆ แก่ภิกษุ ภิกษุณี ได้แก่ ( ๑ ) ผ้าอาบน้ำฝน ( ๒ ) อาหารสำหรับภิกษุอาคันตุกะ ( ๓ ) อาหารสำหรับภิกษุผู้เตรียมจะไป ( ๔ ) อาหารสำหรับภิกษุป่วยไข้ ( ๕ ) อาหารสำหรับภิกษุผู้พยาบาลภิกษุ ( ๖ ) ยาสำหรับภิกษุผู้ป่วยไข้ ( ๗ ) ขอให้ได้ถวายข้าวยาคู ( ๘ ) ผ้าอาบน้ำสำหรับภิกษุณี พระพุทธองค์ทรงประทานพรทั้ง ๘ ข้อแก่นางวิสาขา

9. พระประจำปีวอกคือ “ปางปฐมบัญญัติ”

   พระพุทธรูปปางปฐมบัญญัติ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองข้างตะแคงยื่นออกไปข้างหน้า

ความเป็นมาของปางปฐมบัญญัติ
   ในสมัยที่พระ สัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นครเวสาลี สุทินกลันทบุตร ได้ฟังพระธรรมเทศนา บังเกิดความเลื่อมใสทูลขอบรรพชาอุปสมบท แต่บิดามารดาอยากให้สึกมาดูแลสมบัติของตระกูล พระสุทินยังยินดีในพรหมจรรย์ บิดาจึงขอทายาทเพราะหากไม่มีผู้สืบสกุล ทรัพย์สินจะถูกยึดตามธรรมเนียม พระสุทินจึงได้ร่วมประเวณีกับภรรยาเก่าตามคำขอร้องและได้บุตรชายคนหนึ่ง ต่อมาท่านรู้สึกไม่สบายใจจึงเล่าให้ภิกษุทั้งหลายทราบ ความทราบถึงพระพุทธองค์ ทรงติเตียนพระสุทิน ที่ทำกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งแก่สมณะ จึงบัญญัติสิกขาบทว่า "ภิกษุเสพเมถุนต้องขาดจากความเป็นภิกษุทันที" นับเป็นปฐมบัญญัติ คือ ข้อแรกในพระวินัยของพระภิกษุ การประพฤติของพระสุทินสมัยนั้นถือว่ายังไม่ขาดจากความเป็นภิกษุ พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาผิด เพราะยังมิได้มีสิกขาบทห้ามไว้ แต่ถ้าภิกษุใดทำเช่นนี้อีก ถือว่าปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุทันที

10. พระประจำปีระกามี 2 ปางคือ “ปางรับมธุปายาส” และ ปางเสวยมธุปายาส

   พระพุทธรูปปางรับมธุปายาส วัดปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ แบพระหัตถ์ทั้งสองยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยารับถาดข้าวมธุปายาส บางแบบอยู่ในพระอิริยาบถนั่งห้อยพระบาท

ความเป็นมาของปางรับมธุปายาส
   เช้าวันเพ็ญวิสาขะ หรือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ( ปีระกา ) อันเป็นวันครบรอบพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ของพระบรมโพธิสัตว์ นางสุชาดา ธิดาของเศรษฐีผู้หนึ่ง แห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ได้นำถาดทองคำบรรจุข้าวมธุปายาส มาแก้บนต่อรุกขเทวดาที่ต้นไทรใหญ่ ครั้นแลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับ ณ โคนต้นไทร ทรงรัศมีออกจากพระวรกายแผ่ซ่านไปทั่วปริมณฑล เข้าใจว่าเป็นรุกขเทวดา จึงนำข้าวมธุปายาสไปถวายพร้อมกับถาดทองคำ พระองค์ทรงแบพระหัตถ์ทั้งสองออกรับถาดข้าวมธุปายาส

   พระพุทธรูปปางเสวยมธุปายาส วัดปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ ประคองถาดมธุปายาส
ความเป็นมาของปางเสวยมธุปายาส
   เมื่อนางสุชาดาทูลลากลับไปแล้ว พระบรมโพธิสัตว์เสด็จออกจากร่มไทร ทรงถือถาดข้ามธุปายาส เสด็จไปยังริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา สรงพระวรกาย ( อาบน้ำ ) แล้วประทับริมฝั่งแม่น้ำ หันพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก ทรงแบ่งข้าวมธุปายาส ออกเป็น ๔๙ ส่วน แล้วปั้นเป็นก้อน ๔๙ ก้อน แล้วเสวยจนหมด ถือเป็นอาหารทิพย์ที่จะคุ้มได้ถึง ๔๙ วัน ในการเสวยวิมุตติสุขภายหลังการตรัสรู้

 

11. พระประจำปีจอคือ “ปางชี้อัครสาวก”

   พระพุทธรูปปางชี้อัครสาวก วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวาชี้ไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงประกาศอัครสาวกให้ปรากฏในที่ประชุมสงฆ์

ความเป็นมาของปางชี้อัครสาวก
   อุปติสสะและโกลิ ตะเป็นสหายรักกัน วันหนึ่งอุปติสสะ ได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ และได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน จึงไปแสดงธรรมแก่โกลิตะจนได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นกัน ทั้งสองจึงพาบริวารไปยังพระเวฬุวันมหาวิหาร เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นอุปติสสะและโกลิตะนำบริวารเดินมา พระพุทธองค์ได้ตรัสแก่เหล่าภิกษุทั้งหลายว่า ทั้งสองคือคู่แห่งอัครสาวกผู้เป็นธรรมเสนาบดี พระพุทธองค์ประทานอุปสมบทให้ทั้งสองด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา เมื่ออุปสมบทแล้วนิยมเรียกพระอุปติสสะว่า "พระสารีบุตร" พระโกลิตะว่า "พระโมคคัลลานะ" ตามชื่อมารดาของท่าน ต่อมาพระสารีบุตรได้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา พระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย

12. พระ ประจำปีกุนคือ “ปางโปรดพญาชมพูบดี หรือปางทรงเครื่อง”

 

   พระพุทธรูปปางโปรดพญาชมพูบดีหรือปางทรงเครื่อง วัดหน้าพระเมรุราชิการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุ ( เข่า ) ทรงเครื่องต้นอย่างพระมหากษัตริย์

ความเป็นมาของปางโปรดพญาชมพูบดีหรือปางทรงเครื่อง
  พญาชมพูบดีผู้มีฤทธิ์เดชมาก มีความริษยาพระเจ้าพิมพิสาร เพราะทรงมีปราสาทงดงามกว่าปราสาทของพร

QUOTE 
ความคิดเห็นที่ #1
เจ้าของร้าน

ขอบคุณข้อมูลจากtalk.mthai.com/inbox/143067.html

แสดงความคิดเห็นที่ 1-1 จากทั้งหมด 1 ความคิดเห็น
ค้นหาพระเครื่องตามรายชื่อจังหวัด

[ กรุงเทพมหานคร ] [ กระบี่ ] [ กาญจนบุรี ] [ กาฬสินธุ์ ] [ กำแพงเพชร ] [ ขอนแก่น ] [ จันทบุรี ] [ ฉะเชิงเทรา ] [ ชลบุรี ] [ ชัยนาท ] [ ชัยภูมิ ] [ ชุมพร ] [ เชียงราย ] [ เชียงใหม่ ] [ ตรัง ] [ ตราด ] [ ตาก ] [ นครนายก ] [ นครปฐม ] [ นครพนม ] [ นครราชสีมา ] [ นครศรีธรรมราช ] [ นครสวรรค์ ] [ นนทบุรี ] [ นราธิวาส ] [ น่าน ] [ บึงกาฬ ] [ บุรีรัมย์ ] [ ปทุมธานี ] [ ประจวบคีรีขันธ์ ] [ ปราจีนบุรี ] [ ปัตตานี ] [ พระนครศรีอยุธยา ] [ พังงา ] [ พัทลุง ] [ พิจิตร ] [ พิษณุโลก ] [ เพชรบุรี ] [ เพชรบูรณ์ ] [ แพร่ ] [ พะเยา ] [ ภูเก็ต ] [ มหาสารคาม ] [ มุกดาหาร ] [ แม่ฮ่องสอน ] [ ยะลา ] [ ยโสธร ] [ ร้อยเอ็ด ] [ ระนอง ] [ ระยอง ] [ ราชบุรี ] [ ลพบุรี ] [ ลำปาง ] [ ลำพูน ] [ เลย ] [ ศรีสะเกษ ] [ สกลนคร ] [ สงขลา ] [ สตูล ] [ สมุทรปราการ ] [ สมุทรสงคราม ] [ สมุทรสาคร ] [ สระแก้ว ] [ สระบุรี ] [ สิงห์บุรี ] [ สุโขทัย ] [ สุพรรณบุรี ] [ สุราษฎร์ธานี ] [ สุรินทร์ ] [ หนองคาย ] [ หนองบัวลำภู ] [ อ่างทอง ] [ อุดรธานี ] [ อุทัยธานี ] [ อุตรดิตถ์ ] [ อุบลราชธานี ] [ อำนาจเจริญ ]

ยินดีต้อนรับท่านสมาชิก

สถิติการใช้งาน

หน้าที่เข้าชม4,100,470 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,252,410 ครั้ง
เปิดร้าน28 ต.ค. 2559
ร้านค้าอัพเดท21 ต.ค. 2568

ติดต่อร้านค้า

ติดตามพัสดุจากไปรษณย์

พูดคุย-สอบถาม